Work = ทำงานให้หนัก เอาให้เต็มที่ เอาให้อยู่เฉย ๆ แล้วไม่ต้องดูเงินในบัญชี แบบผม ตอนนี้ผมกินอาหารที่ไหนก็ได้ในโลก (รวมค่าเครื่องบิน) โดยไม่ต้องแม้แต่เหลียวมองราคาค่าอาหาร อันนี้เรียก Work พอแล้ว (แต่ผมก็ยังไม่พอยัง Work อยู่ เพราะมันสนุก มันคือ Work life Balance ในแบบของผม)

Life = สนุกกับทุกอย่างในชีวิต ทำให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สนุกกับงานให้ได้ ตื่นมาทุกเช้าอยากทำงาน อยากมีความสุขที่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ ได้ช่วย ได้แก้ไขปัญหาของคนอื่น

Balance = เมื่อทำงานจนมากพอ เราสบาย ครอบครัวสบาย มีเงินทำงานแทนเรา แบบไม่ต้องไปข้องแวะกับมันอีกเลย ก็กลับมาเที่ยว มาพักผ่อน มาทำในสิ่งที่เราอยากทำ มาแบ่งปันคนอื่น มาแบ่งปันสังคม นี่ละครับคือการ Balance จริง ๆ คือเลิกคิดเรื่องงานอีกเลย ไม่ใช่เที่ยวสามวัน วันที่สี่ต้องทำงานอีกแล้ว แบบนี้แม่งไม่บาลานซ์

อย่า Work แบบสุกเอาเผากินเพื่อมีเงินเที่ยวไปวัน ๆ แบบฝรั่ง เพราะฝรั่งเค้ามีสวัสดิการที่ดีรองรับ ไม่ทำงานก็ไม่อดตาย แต่ที่ไทยไม่ใช่

อย่า Life ปลอม ๆ เพื่ออวดความสุขให้ชาวบ้านดู จง Life ความสุขจริงๆ ของเรา จะเป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูง(เพื่อนจริง ๆ นะครับ) ถ้าจะดีที่สุดจงมีความสุขกับงานที่ทำ

อย่า Balance ปลอม ๆ ที่เค้าหลอกให้คุณเชื่อตามแนวคิดฝรั่งที่เค้ามีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมซัพพอร์ตอยุ่แล้ว

สรุปสั้น ๆ Work life Balance คือมีความสุขกับปัจจุบันที่มันเอื้อกับอนาคต แบบมีแบบแผน แบบมีขั้นตอน อยู่ในบริบทที่เราสามารถควบคุมมันได้ มีกำหนดเวลาชัดเจน ไม่ใช่เห่อตามคำพูดเท่ห์ ๆ ของฝรั่งอั่งม้อ หรือ คนประสบความสำเร็จแล้วที่เค้าเอามาล่อ ให้เราติดกับความสบายจนไม่สามารถขึ้นไปแข่งกับเค้าได้ เพราะเรามัวแต่มีความสุขกับ Balance ปลอม ๆ อยู่ทุกวัน

Work life Balance ตอนมี Ferrari ขับ
นั้นดีกว่า Work life Balance ตอนเงินในบช. ไม่พอใช้ถ้าขาดรายได้สัก 6 เดือนแน่นอนครับ ผมยืนยัน!!!!

ปล. ไม่ได้บอกให้ทำงานโดยไม่เที่ยว ไม่ดูแลครอบครัวนะครับ ผมเที่ยวตจว. ทุกอาทิตย์ตั้งแต่ยังเป็นแมสเซนเจอร์เมื่อสิบปีที่แล้ว แต่เราไม่ควรเอาการหาความสุขในชีวิตมาเป็นเป้าใหญ่ในชีวิต จนลืมว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการความมั่นคงมากแค่ไหน

Fuck you Work life Balance

ปล.บทความนี้ครบรอบ 1 ปีแล้วนำกลับมารีรันอีกครั้งครับ