ของทุกอย่างบนโลกนี้มีไว้ขาย แม้กระทั่งสมองและเวลา อยู่ที่ราคาเท่าไหร่
ตามมาผมจะเล่าให้ฟัง
ขั้นตอนคือ…
ไม่มีสมองใช้แรงแลกสมอง
พอมีสมองใช้สมองแลกเงิน
พอมีเงินเอาเงินแลกเวลา
พอมีเวลาก็แบ่งปัน แลกมิตรภาพ และความรัก
– เกริ่นนำ “ไม่มีสมอง”
ผมเป็นลูกคนจนครับ จนมากกกก กอไก่ล้านตัว ตอนเด็กจนถึง 10 ขวบ บ้านผมเป็นเพิงหมาแหงนขายของข้างถนนไม่มีประตูบ้าน
ข้างหลังเป็นกำแพงโรงเรียนราชประชาสมาสัย ข้างซ้ายและขวาเป็นสังกะสีเก่าๆ ตีแปะ หลังคาสังกะสี ด้านหน้าเป็นผ้าใบม้วน เวลาจะนอนจะปิดผ้าใบลงมาเพื่อให้นอนได้
ส้วมไม่มีครับ จะมีแค่โอ่งน้ำวางไว้อาบน้ำกลางแจ้ง เวลาเข้าห้องน้ำแม่จะไปเข้าของโกดังหน้าบ้านเสียเงิน 25 สต. ส่วนผมยังเด็กก็ไปเข้าในป่าแถวนั้น จนมากถึงขนาดโดนครูนำเพื่อนๆ บูลลี่ว่า “ไอ้ขี้ในป่า”
แต่แม่เป็นคนสู้ครับ ส่งผมเรียนโรงเรียนเอกชน ส่งผมเรียนโรงเรียนเซนต์จอห์น ส่งผมเรียนกรุงเทพการบัญชี (BBC) เพราะอยากให้ผมมีชีวิตดีกว่าแม่ แต่ผมก็เหี้ยเอง ในระดับอุดมศึกษาผมเรียนไม่จบสักที่ ที่แรกเกเร ที่ที่สองมีลูกก่อน
เรื่องเรียนแม่สนับสนุนเต็มที่ครับ แต่เรื่องอุปกรณ์การเรียนจะเอามาจากไหน? เพราะจ่ายค่าเทอมหมดแล้ว
อย่างที่บอกผมเรียนโรงเรียนดีๆ ตลอดตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเพื่อนผม “รวย” ทุกคนครับ เพื่อนๆ ผมมีคอมพิวเตอร์ครับทำให้สิ่งที่ผมอยากเรียน มากที่สุดตอนนั้นคือ เรียนและมีคอมพิวเตอร์ครับ
แต่ราคามันสูงมาก ราคาน่าจะประมาณ 70,000-100,000 บาท ในขณะที่ทองบาทละ 4,000 มันเป็นเรื่องเกินตัวมากสำหรับผม และแม่ของผมก็ไม่มีเงินจะซื้อให้ ผมเลยเก็บความอยากนั้นไว้และคิดว่าสักวันต้องมีให้ได้ ตอนนี้อาศัยค้างบ้านเพื่อนและเล่นของเพื่อนไปก่อน
เวลาผ่านมาหลายปี ล้มลุกคลุกคลานอยู่ตามประสามนุษย์ที่ไม่มีต้นทุน ทำมันทุกอาชีพของคนระดับล่าง ได้ใช้คอมพิวเตอร์ตามร้านเกม ได้ติดเกม ได้เล่นแรคนาร๊อค แต่ไม่มีปัญญาซื้อคอมเป็นของตัวเองสักที
จนอายุ 25 ปี ผมได้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องแรก คือเครื่องของแฟนที่บ้านเค้า (แต่ก็ยังไม่ได้เป็นของตัวเอง) ด้วยนิสัยลูกแม่ค้าพอมีคอม (ที่อนุโลมว่า) เป็นของตัวเอง ก็หาเงินจากคอมพิวเตอร์เลยครับ
ผมใช้คอมเครื่องแรกไรท์ CD Karaoke ขาย หาเงินได้อยู่ราวๆ 2-3 เดือนเครื่องถึงกับพัง ทีนี้ละผมเอาเงินที่หาได้มาประกอบคอมด้วยตัวเองได้ 1 เครื่อง (ประกอบจากการอ่านหนังสือ ศึกษาเอาเองล้วนๆ ลง Windows ผ่านแผ่น Wizard ลงโปรแกรมจาก Pantip)
ไรท์ซีดีต่อได้อีกเดือน คอมที่ประกอบเองเกิด Windows พัง พังคราวนี้ไม่มีปัญญาซ่อม เลยต้องยกไปบริษัทที่แฟนผมเคยฝึกงานอยู่เพื่อให้เค้าซ่อมให้
ความพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ บริษัทที่ว่าเปิดรับช่างคอมฝึกหัดพอดีครับ ผมเลยสมัคร เพราะอยากทำคอมเป็นมาก
แต่โชคชะตาเล่นตลกครับ เค้ารับช่างไปแล้ว เหลือแต่แมสเซนเจอร์ เจ้าของบริษัทถามว่าจะทำไหม รู้ไหมผมตอบว่าไง??
วันนั้นผมตอบไปว่า พรุ่งนี้ผมไปดาวน์มอเตอร์ไซค์เลยพี่ สรุปอีกอาทิตย์ผมได้ไปเป็นแมสเซนเจอร์ของบริษัท มิลเลนเนี่ยมซัพพอร์ต สมใจอยากครับ
เข้าเรื่องที่จั่วหัวมาครับ
ขั้นตอนที่ 1 เอาแรงแลกสมอง
แมสเซนเจอร์ทั่วไปวิ่งงาน 10-14 ที่จะกลับออฟฟิศประมาณ 16.00 น. แต่ผมไม่ครับ วิ่งเสร็จราวๆ 11.00-13.00 ถึงออฟฟิศแล้ว
หลังจากถึงออฟฟิศ ผมวิ่งเข้าห้องช่างทันที ช่วยเค้าทำงานอยู่ถึง สี่ห้าทุ่มทุกวัน ไม่ได้เงินนะครับช่วงนั้น เอาความรู้อย่างเดียว
ถ้าเล่าหมดมันจะเยอะเอาเป็นว่าผมทำงานอยู่สองปีครึ่ง ออกมาตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าช่างคอมพิวเตอร์ (ที่เก่งมากๆ) ของบริษัท มิลเลนเนี่ยม ซัพพอร์ต
ออกมา เอาความรู้มาเปิดร้านเกมครับ ช่วงนี้ละมีเวลามาศึกษาการทำ Internet Marketing หลังจากนั้นก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำร้านเกมด้วย ทำเว็บไซต์หาตังค์ด้วยอีกประมาณ 3 เดือน
แล้วมันอึดอัดครับที่ทำเงินจาก Internet Marketing ไม่เคยได้เลย เหมือนมันแพ้ ๆ ยังไงไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจขายร้านเกมครับ
ใช้แรงแลกสมองมาแล้ว (ใช้คอมเก่ง ซ่อมประกอบคอมเก่ง) แต่ยังไม่พอ ไม่ตรงสายมันยังไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จ เลยต้อง…เพิ่มเวลาเข้าไปครับ
ขั้นตอนที่ 2 เอาแรง + เวลาแลกสมอง
ขายร้านเกมแล้วก็วัดดวงกับอาชีพ Internet Marketing เลยครับ เงินเหลือติดตัวอยู่ 8,000 บาท แต่ก็สำเร็จนะครับ เดือนแรกที่ขายร้านเกมหาเงินจาก Internet Marketing ได้ราวๆ 60,000 บาท
แต่ยังไม่เก่งนะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการศึกษาครับ Photoshop ,html ,css ,wordpress ที่สำคัญที่สุดคือศึกษาการตลาดครับ ใช้ชีวิตอยู่หน้าคอมวันนึง 20 ชั่วโมงครับ ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ 2-3 ปีได้ เก่งขึ้นเยอะเลยครับ
ขั้นที่ 3 เอาสมองแลกเงิน
หลังจากนั้นก็หมูครับ มีสมองแล้วครับทำอะไรก็สำเร็จ เพจที่ทำไว้ตอนใช้แรงเริ่มผลิดอกออกผล ขายโฆษณาได้เดือนละ 3-4 แสน
ขั้นที่ 4 เอาเงินแลกเวลา
ช่วงนี้สบายครับ โครตอินดี้ ขึ้นไปอยู่ปายจ้างลูกน้อง 4 คนทำเพจ คนมันว่างครับเวลาเยอะ อยู่กับลูกสอนลูกด้วยการทำ home school ตัวเองทำเกษตรพอเพียง ชิลๆ เย็นกินเหล้า เช้าทำกับข้าวปลูกผัก โครตสบาย
ขั้นที่ 5 วนลูปใหม่ทั้ง 4 ขั้นตอนแต่เหนือกว่า รอบนี้ใช้เงินซื้อ
ฮ่าๆๆ สบายไปครับ มันไม่พอ เลยลุกขึ้นมาหาความลำบากใหม่ สมองเก่าๆ มันใช้ไม่ได้แล้วต้องใช้แรงอีกแล้ว แต่รอบนี้สบายครับ มีเงินเลยใช้แรงคนอื่น เวลาคนอื่น จนถึงตอนนี้ละครับ
ส่วนขั้นสุดท้าย มีเวลาก็แบ่งปัน แลกมิตรภาพและความรัก ตอนนี้ยังไม่สำเร็จครับ ไว้ติดตามตอนต่อไปครับ
ผมบอกแล้วว่าทุกอย่างในโลกนี้ซื้อได้แม้กระทั่งเวลาและสมอง อยู่ที่ว่าราคาเท่าไหร่
ผมไม่มีทุน ไม่มีความรู้ ไม่มีสมองครับ ไม่มีอะไรสักอย่าง ผมเลยเอาแรงแลกครับ เป็นสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ตอนนี้ผมขับ Supercar ด้วยราคาแค่แรงของตัวเองตอนเริ่มต้น ใส่ความมุ่งมั่นไปอีกนิด
ผมทำได้ ผมรู้คุณก็ทำได้!!!!
ครบรอบ 1 ปี รีรันบทความนะครับ
จากใจลูกแม่ค้าขายกล้วยแขก
#นอทซ่าา#ตีลังกาการตลาด